ยินดีต้อนรับ    
 

ตามสอบผ้าไหม
รหัสผ้า GI :  
 
 
GI ร้านค้าผ้าไหม
GI ประกาศกรมฯ

 เข้าสู่ระบบ
ชื่อผู้ใช้:   
รหัสผ่าน:  
ลืมรหัสผ่าน
 
105875
 
 

ไหมยกดอก

ศิลปะบนผืนผ้าค่าควรเมือง

ช่างทอที่นี่ถักทอต่อสาย  เป็นลายล้ำค่าให้ผู้ครอบครองได้ภาคภูมิที่เป็นเจ้าของผลงานศิลปะชั้นสูง  คนที่ได้เห็นลวดลายวิจิตบรรจงของไหมยกดอกของที่นี่แล้ว  ยินยอมน้อมใจเรียกช่างทอเป็นศิลปิน

ศิลปินไหมยกดอกของลำพูน  เคยถวายการรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท   สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์  พระบรมราชินีนาถ  ในการคัดลอกลายพระภูษาโบราณแล้วทอขึ้นใหม่  ทั้งได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้า  ให้ทอผ้าไหมยกดอกสำหรับเป็นฉลองพระองค์  และโปรดเกล้าให้นำไปเผยแพร่ยังต่างประเทศ

กรมศิลปากรยังวางใจให้คัดเลือกลายโบราณที่ได้ศึกษาและเก็บรวบรวมไว้  แล้วทอขึ้นใหม่  คงรูปแบบให้เหมือนเดิมเพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา

ผ้าไหมยกดอกของลำพูน  ถูกถวายเป็นส่วนหนึ่งของฉลองพระองค์  พระจักรพรรดินีญี่ปุ่น  เป็นของถวายแก่พระราชอาคันตุกะ  และแขกบ้านแขกเมืองจนถึงปัจจุบัน  ไม่นับที่ส่งขายสร้างชื่อเสียงทั่วโลก  จนมีผู้ส่งออกผ้ายกดอกเป็นการเฉพาะกว่าสิบราย

การทอผ้ายกหรือการยกมุก  เป็นวิธีการทอให้เกิดลวดลาย  โดยการยกตะกอแยกด้ายเส้นยืน  และในบางครั้งการยกดอกจะมีการเพิ่มด้ายเส้นพุ่งจำนวนสองเส้น  หรือมากกว่านั้นเข้าไปในผืนผ้า

ลวดลายจะวิจิตรบรรจงละเอียดมากน้อยเพียงใด  อยู่ที่การสาวไหมแยกใส่ในตะกอเพื่อต่อลาย  ยิ่งตะกอมากลวดลายยิ่งละเอียด  ผ้าไหมผืนงามบอบบางสุดวิจิตร  บางผืนแยกไหมในตะกอหลายสิบตะกอ  ราคาผืนละหลายหมื่นบาท  ไม่มีใครปฏิเสธ

ผ้าไหมยกดอกมีมาแต่ช้านาน  ความวิจิตรบรรจงในการถักทอ  ความบอบบางของเนื้อผ้า  และความล้ำค่าหายาก  ทำให้มีใช้กันเฉพาะในราชสำนัก  และบุคคลชั้นสูงนุ่งห่มกันในวาระอันสำคัญ  พระราชพิธีต่าง ๆ

ท่านออสคาร์  คยุคออฟ  ก๊อตแลนด์  แห่งสวีเดน  ครั้งเสด็จเป็นพระราชอาคันตุกะของรัชกาลที่ 5 ทรงบันทึกในจดหมายเหตุรายวันของพระองค์ไว้ว่า

“เครื่องทรงของพระราชินี  ซึ่งเข้ากับสิ่งแวดล้อมอย่างวิเศษสุดนั้น  ประกอบด้วยฉลองพระองค์โบรเคด (ไหมยกดอก)  สีทอง ๆ เงิน ๆ พอดีพระองค์  แขนเป็นจีบ ๆ ทำด้วยไหมทองมีจุดขาว  มีแพรสีเขียวพันรอบพระองค์  ชายข้างหนึ่งพาดบนพระอังสาซ้ายอย่างหลวม ๆ ทรงสนับพลาหรือผ้าทรง แบบเดียวกับที่ผู้ชายนุ่งเป็นสีน้ำเงินแก่กับทอง”

คนลำพูนนั้นทอผ้าใช้เองมาแต่นมนาน  ผ้ายกดอกนั้น  ก็มีใช้กันอยู่แต่เดิม  แต่เป็นการทอยกดอกในผ้าฝ้าย  เป็นลวดลายไม่วิจิตรนัก  กระทั่งพระราชชายา  เจ้าดารารัศมีในรัชการที่ 5 ซึ่งเป็นพระญาติกับเจ้าเมืองลำพูน  ได้ถ่ายทอดความรู้เรื่องการทอผ้าไหมยกดอกที่มีลวดลายสวยงามแปลกตาและวิจิตรบรรจง  ซึ่งพระองค์ได้เรียนรู้มาจากราชสำนัก  ให้แก่เจ้าหญิงส่วนบุญ  พระราชชายาของเจ้าจักรคำขจรศักดิ์  เจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์สุดท้าย  และเจ้าหญิงลำเจียก  ธิดาเจ้าจักรคำขจรศักดิ์  การทอผ้าไหมยกดอกจึงเผยแพร่ทั่วไป  คนรุ่นหลังได้เรียนรู้การทอผ้ายกดอกจากคนในคุ้ม

ต่อมาลำพูนกลายเป็นศูนย์กลางการทอผ้าไหมยกดอกที่สำคัญของไทย

พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา  ผ้าไหมยกดอกหรือผ้าไหมทอด้วยฝีมือประณีตจากลำพูน  เป็นที่ต้องการทั่วไปไม่เฉพาะแต่ในราชสำนักเท่านั้น  คนลำพูนที่มองการณ์ไกลเริ่มสร้างโรงงานทอผ้ายกดอกออกจำหน่าย  จนเป็นหัตอุตสาหกรรมที่ขึ้นชื่อ  มีการทอผ้าไหมยกดอก  และผ้าฝ้ายยกดอกด้วยกี่พื้นเมืองกันแทนทุกบ้าน  ล้วนถ่ายทอดมาแต่รุ่นบรรพบุรุษ  ทั้งลวดลายและวิธีการทอ

แม่เวลาจะผ่านไปกว่าร้อยปี  แหล่งผลิตศิลปะวิจิตบนผืนผ้าของคนลำพูนยังอยู่ที่เดิม  จิตวิญญาณของพวกเขายังผูกพันอยู่กับที่  ฟืม  ตะกอ  และลวดลายบนผลงานที่เปลี่ยนแปลงไปน้อยมากจากรุ่นบรรพบุรุษ

จะเดินข้ามสะพานท่าสิงห์  หรือขัวมุง  หน้าวัดพระธาตุหริภุญชัย  หรือจะขับรถอ้อมไปในเส้นทางเลียบสวนลำไยแถวนั้น  ตำบลเวียงยองแหล่งผลิตผ้าทอยกดอกที่ขึ้นชื่อของลำพูนก็ง่ายต่อการเข้าถึง

ถนนฝ้ายแกมไหม  ขนาบด้วยสวยลำไย  จะพาเราผ่านหมู่บ้านหลากหลายที่ทอดผ้ายกดอกกันเป็นล่ำเป็นสัน  บางรายทำผ้าฝ้ายยกดอก  บางรายทำไหมยกดอก  และบางรายทำทั้งสองอย่าง  หมู่บ้านที่มีช่างทอพื้นบ้านทำงานต่อเนื่องมากกว่าร้อยปีอย่างบ้านแม่สารบ้านตอง  และบ้านศรีเมืองยู้  ยังคงมีเสียงกี่กระทบอยู่ต่อเนื่อง

หลายสิบบ้านเปิดเป็นร้านให้ซื้อหาในราคาเปี่ยมน้ำใจถามรอยยิ้ม  เลือกแวะชมสัมผัสความงดงามของผ้าได้ตลอดเวลา

หากไปฤดูลำไยจะได้ชิมลำไยจากต้นเป็นของแถมแน่นอน

ผ้าฝ้ายทอยกดอกผืนหนึ่งใช้เวลาหลายวันกว่าจะสำเร็จ  หากเป็นไหมยกดอกจะใช้เวลามากกว่านั้นเกือบเท่าตัว  ราคาที่ขายกันในหมู่บ้าน  นับว่าถูกมากเมื่อคิดถึงเส้นทางของผ้าแต่ละผืน  กับความละเอียดประณีตที่สัมผัสได้  ไม่แปลกใจที่เห็นคนไทยคนเทศพากันเข้าไปเสาะหาซื้อเอาจริงเอาจัง

ชื่อตำบลเวียงยองนั้น  ชัดเจนกว่าเป็นแหล่งของคนยอง  ที่ปัจจุบันเป็นคนส่วนใหญ่ของเมืองนี้  คนยองมีสำเนียงพูดล่องไหลเหมือนดนตรี  มีฝีมือทางศิลปะ  สาวชาวยองผิวผ่องเหมือนหยวกกล้วย  วันสรงน้ำพระธาตุจะเห็นพวกจะเห็นพวกเธออุ้มขันน้ำมาร่วมพิธีแต่งแต้มให้พิธีงามเหมือนฝัน

ปี พ.ศ. 2325 ผู้นำล้านนาร่วมกันขจัดอิทธิพลพม่าไปได้  เมืองส่วนใหญ่โดยเฉพาะเชียงใหม่ยังร้าง  เนื่องจากผู้คนพากันละทิ้งหนีภัยสงครามที่ยืดเยื้อหลายสิบปี  พญากาวิละเจ้าเมืองเชียงใหม่พยายามรวบรวมให้ผู้คนกลับมาอยู่ในตัวเมือง  อีกทางหนึ่งได้ยกกำลังออกไปเกลี้ยกล่อมและตีหัวเมืองตอนเหนือ  แถบเมืองเชียงแสนเชียงตุง  พยาก  เมืองยอง  รวบรวมผู้คนเชื้อสาย  ไตยอง  ไตลื้อ  และไตเขิน  มาตั้งหลักแหล่งในเชียงใหม่และลำพูน  ใช้เวียงป่าซาง  ลำพูนเป็นที่รวบรวม  เรียกกันว่าการ  “เก็บฮอมตอมไพร่”

เฉพาะชายไตยองนั้น  ได้มากแบบครัวนับหมื่นคน  ชาวลำพูนส่วนใหญ่  จึงเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากชาวไทยองเมื่อ 200 ปีก่อน ปี พ.ศ. 2348  พญาลำพูนไชย  เจ้าผู้ครองนครองค์แรก  ได้ให้คนยองที่กวดต้อนมาครั้งนั้น  รวมกันสร้างบ้านเรือนอยู่ริมแม่น้ำกวงด้านตรงข้ามกับองค์พระธาตุหริภุญชัย

กลุ่มชนเหล่านี้ต่อมาคือช่างทอผ้า  สล่าช่างฝีมือ  และผู้คนที่เจรจาภาษาดนตรีอยู่ริมแม่น้ำกวง อ่านต่อ...